นี่ไม่ใช่การรีวิว Detroit ทั่วไป แต่ใช้ความรู้สึกที่มีต่อเกมส์เท่านั้น ท่านสามารถหารีวิวได้ทั่วไปใน Google ทั้งไทยและเทศ
ในช่วงหลังได้มีโอกาสเล่นเกมมากขึ้นเพราะซื้อ PlayStation 4 มา ซึ่งหลายๆ เกมส์ก็จะเป็นการเล่นเอามันส์ซะมากกว่า แต่บังเอิญเจอเกมส์นี้ Detroit: Become Human ที่ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ เพราะเป็นคนไม่ชอบอะไรที่ Sci-Fi หรือ AI เว่อร์วังเกินจริงมากนัก แต่ดูในโฆษณาแล้วภาพสวยดีมาก และเนื้อเรื่องดูน่าสนใจ เลยซื้อมาลองเล่นดู
แกนหลักของเรื่องคือ โลกยุคใหม่ที่มีการสร้างหุ่นยนต์ (Android) ที่เหมือนคน ทำงานต่างๆ แทนคนได้ ซึ่งแน่นอนก็ย่อมทำให้คนตกงานกันเป็นเบือ ทำให้มนุษย์บางกลุ่มเกิดความเกลียดชังหุ่นยนต์ นอกจากนี้มนุษย์ยังปฏิบัติต่อหุ่นยนต์เหมือนสิ่งไม่มีชีวิตจิตใจ ใช้งานเยี่ยงทาส จนเกิดจุดเริ่มของเนื้อเรื่องคือหุ่นยนต์บางตัวกลับเริ่มผ่าเหล่าผ่ากอ มีความคิดได้มากกว่าที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ หรือมีความเป็นมนุษย์ขึ้นมา (เป็นที่มาของชื่อ Become Human) ซึ่งถูกเรียกว่า Deviant (ซึ่งเป็นคำศัพท์แทน Android ที่มีความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์) จึงนำมาสู่เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเกมส์นี้ผ่านตัวละคร 3 ตัว

ซึ่งตัวละครทั้ง 3 นั้นมีความแตกต่างกันและอยู่คนละเส้นทางเดิน ไม่เกี่ยวกันเลย แต่สุดท้ายทุกเส้นทางจะมาบรรจบกันในตอนท้าย ผลของการตัดสินใจของคนหนึ่งจะมีผลต่อการอยู่รอดของชีวิตอีกคนหนึ่งได้เลย เหมือนกับเป็น Butterfly Effect (ตรงนี้อยากให้ได้ลองเล่นเอง ถึงจะเข้าใจ)
สัมผัสแรกที่เล่น จะไม่ใช่เกมส์ภาษาน่าเบื่อๆ แบบ Final Fantasy หรือ Persona (ซึ่งหลายคนบอกสนุก แต่สำหรับผมคือน่าเบื่อมาก) เกมส์ Detroit กลับเชื่อมให้เราอินเข้าสู่เกมส์ได้อย่างรวดเร็วผ่านฉากที่ตื่นเต้นบีบความรู้สึกได้ในทันที บวกกับกราฟฟิกทีมสวยงามอลังการเหมือนกำลังดูหนังทุนสร้างสูงซักเรื่องนึง เมื่อเราต้องสวมบทตัวละครชื่อ Connor ซึ่งเป็นหุ่นยนต์นักสืบสวนและถูกสร้างเพื่อกำจัดหุ่นยนต์ที่กลายพันธุ์หรือ Deviant นั่นเอง

โดยก่อนที่เราจะเริ่มเจรจา เราสามารถสืบดู Crime Scene เพื่อสร้างความเข้าใจต่อเหตุการณ์ ทำให้โอกาสในความสำเร็จมีมากขึ้น จากนั้นจึงเข้าไปแก้ปัญหาซึ่งจะมีทางเลือกให้เราตัดสินใจ โดยการตัดสินใจนี้มีเวลาจำกัด เหมือนความเป็นจริงที่ไม่ได้ปล่อยให้เรานั่งแช่นานๆ ได้ก่อนตัดสินใจ (ยกเว้นขี้โกงกด pause เกมส์) ซึ่งทุกๆ การตัดสินใจนั้นอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และอาจนำมาซึ่งการตายของตัวละครสำคัญได้อีกด้วย

ตัวละครทั้ง 3 ตัวมีจุดเด่นและเรื่องราวที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ร่วมได้ไม่ยากเย็น
- Markus จากหุ่นยนต์ที่คอยดูแลคนแก่ กลายมาเป็นผู้นำที่จะปลดแอก Deviant จากมนุษย์ ซึ่งจะการตัดสินใจรูปแบบการปลดแอกของ Markus สามารถนำไปสู่ความเป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการนำไปสู่การอยู่ร่วมอย่างสันติ หรือการต่อสู้ฆ่าฟันกับมนุษย์ การจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาของ Markus ก็นำไปสู่การแพ้หรือชนะของการต่อสู้ครั้งนี้ หรือแม้แต่ชีวิตตัวเองก็อาจจะจบลง
- Connor หุ่นยนต์สืบสวนต้นแบบซึ่งเป็นความหวังของมนุษย์ในการกำจัด Deviant การตัดสินใจของเราจะทำให้ Connor เป็นหุ่นยนต์นักล่าที่สมบูรณ์แบบ หรือ Connor เองที่จะกลับกลายพันธุ์เป็น Deviant เสียเอง
- Kara ตัวละครที่ดราม่าที่สุด (แค่เพลงประกอบก็บีบหัวใจแล้ว) ซึ่ง Kara นี่เองอาจจะเป็น Android ที่เป็น Deviant ตัวแรกก็ได้ กับภารกิจในการปกป้องเด็กน้อย Alice จากการถูกทำร้ายจากพ่อที่เป็นโรคซึมเศร้าและโมโหร้าย และพา Alice ไปยังที่ที่มีความสุขอย่างปลอดภัยให้ได้
ระหว่างที่เล่นจะพบเจอเรื่องที่ Surprise และบีบความรู้สึกได้ตลอด รวมถึงระบบการเล่นที่ไหลลื่น การเคลื่อนไหวที่สมจริงเหลือเกิน เผลอแป๊บๆ ก็เล่นไปจนจบแล้ว แต่เนื่องจากเกมส์มีความเป็นไปได้หลายแบบ เมื่อเล่นจบครั้งแรก เราก็อยากจะไปแก้ไขสิ่งที่เราอาจตัดสินใจพลาดไป ทำให้สามารถเล่นซ้ำเพื่อดูความเป็นไปได้จากการตัดสินใจอื่นได้ (แต่โดยรวมก็เสียดายที่เกมส์ดูจะจบเร็วไปหน่อย)
สิ่งที่ได้จากเกมส์
- อรรถรสและความบันเทิงเหมือนหนังที่มีพล็อตเรื่องชั้นดี
- การมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมีผลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาต่างกันราวฟ้ากับดิน การทำอะไรจึงควรใช้ข้อมูลให้มากๆ
- สิ่งที่เราตัดสินใจทำมีผลต่อคนหรือสิ่งอื่นๆ บนโลกนี้ไม่ทางใดก็ทางนึง ดั่ง Butterfly Effect
- ในเกมส์เราแก้อดีตได้ด้วยการกลับไปเล่นใหม่ แต่ชีวิตจริงเราแก้ไม่ได้ จงเข้าใจว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้เกิดจากการตัดสินใจที่ดีที่สุดด้วยข้อมูลที่จำกัดในอดีต
- เราอาจถูกสร้างหรือถูกตั้งโปรแกรมมาจากผู้ที่สร้างเรา เทียบได้กับการถูกเลี้ยงดูจากพ่อแม่ แต่เมื่อเรามีความคิดความเข้าใจ เราก็เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่เราต้องการได้ ขอเพียงทะลายกำแพงในจิตใจนั้นออกมาให้ได้ การเอาแต่ชี้ออก หรือโทษคนอื่นที่ทำให้เราเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเป็น ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้
Connor ทะลายกำแพงในจิตใจของตัวเอง - เบื้องหลังการสร้างเกมส์นี้ใช้เวลาถึง 4 ปี นอกจากความตั้งใจทำกราฟฟิกชั้นดี ยังจำลองการเคลื่อนไหวและหน้าตาตัวละครให้สมจริงดั่งมนุษย์จริงๆ ผ่านการถ่ายทำร่วมปี เสียงเพลงประกอบที่ใช้ถูกคัดสรรให้เข้ากับบุคลิกของตัวละครอย่างปราณีต ทำให้รู้ว่าการสร้างงานชั้นยอดต้องอาศัยความทุ่มเท และการลงรายละเอียดอย่างสูง ทุกๆ วันที่ทีมงานทำงานล้วนเป็นจิ๊กซอว์ต่อเติมให้งานของเกมส์นี้มีความสมบูรณ์ เป็นแรงบันดาลใจให้ทำงานอย่างมีไฟ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อส่งมอบผลงานชั้นยอดให้ลูกค้า
สรุปคือ ใครมี PlayStation 4 และชอบเกมส์ที่มีพล็อตที่ดี แนะนำให้หามาเล่นให้ได้ หรือใครไม่มี ก็สามารถเปิด YouTube ดูเหมือนหนังซักเรื่องก็ได้ครับ